Amazon EC2 คืออะไร?มาทำความเข้าใจจากประโยชน์ 5 ข้อและ Use Case

Amazon EC2 คืออะไร?มาทำความเข้าใจจากประโยชน์ 5 ข้อและ Use Case

นี่เป็นบทความที่มีเนื้อหาดัดแปลงมาจากบทความภาษาญี่ปุ่นของ Classmethod, Inc. ในหัวข้อ「Amazon EC2とは?5つのメリットとユースケースから理解する 」หากผู้อ่านสนใจอ่านเนื้อหาต้นฉบับสามารถอ่านได้ที่ลิ้งค์ "บทความต้นฉบับ" ด้านล่าง เนื้อหาในบทความนี้มีการอัพเดทเนื้อหาบางอย่างเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นทำให้แตกต่างจากต้นฉบับในบางจุด

“Amazon EC2” หนึ่งในบริการที่สำคัญของ AWS หรือพูดง่ายๆก็คือเป็นบริการสร้าง Virtual Server(เซิร์ฟเวอร์เสมือน) บน AWS เป็นหนึ่งในบริการที่ผู้ใช้บริการจะนำไปพิจารณาเป็นอันดับแรกๆในการเริ่มใช้งาน AWS สำหรับบทความนี้จะอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐานของ Amazon EC2 รวมถึงประโยชน์ของการใช้งานและ Use Case

สารบัญ
★Amazon EC2 คืออะไร?
★Instance (อินสแตนซ์) คืออะไร?
★ประโยชน์ 5 ข้อของ Amazon EC2
★Use Case ของการใช้งาน Amazon EC2

Amazon EC2 คืออะไร

Amazon EC2 เป็นชื่อเรียกย่อของ Amazon Elastic Computing Cloud ซึ่งให้บริการบนระบบคลาวด์ เนื่องจากเป็นบริการสำหรับสร้าง Virtual Server (เซิร์ฟเวอร์เสมือน) บน AWS เราสามารถพูดได้ว่าบริการนี้เป็น”พื้นฐานของการใช้งาน AWS” ได้เลยทีเดียว จุดเด่นคือเราสามารถปรับเปลี่ยน CPU หรือ Memory ได้อย่างอิสระ และสร้างเซิร์ฟเวอร์เสมือน เช่น Linux หรือ Windows ได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที

Instance (อินสแตนซ์) คืออะไร??

คำว่า Instance เป็นคำศัพท์พื้นฐานในการใช้ Amazon EC2 ที่ทุกคนควรจำได้

Amazon EC2 เป็นเพียง "บริการ" สำหรับการสร้างเซิร์ฟเวอร์เสมือน
เซิร์ฟเวอร์เสมือนที่สร้างด้วย Amazon EC2 เรียกว่า "EC2 Instance"

นอกจากนี้ Amazon EC2 ยังมี Instance หลายประเภท ตั้งแต่สำหรับการใช้งานทั่วไปจนถึงประเภทที่รองรับการประมวลผลความเร็วสูงที่ติดตั้ง GPU ซึ่งแต่ละประเภทมาพร้อมกับข้อมูลจำเพาะที่หลากหลาย รวมถึง CPU (GPU) และหน่วยความจำที่ติดตั้ง เราสามารถสร้างเซิร์ฟเวอร์เสมือนที่ตรงกับความต้องการของตัวเองได้ โดยการเลือกประเภท Instance ที่เหมาะสม

ประโยชน์ 5 ข้อของ Amazon EC2

ข้อที่ 1 สามารถปรับเปลี่ยนสเปกได้อย่างอิสระ

เราสามารถเปลี่ยนประเภท instance ที่เราเคยสร้างแล้วภายหลังได้ ถ้าเป็น On-premise หลังจากที่เราซื้อ Hardware แล้วยังต้องใช้เวลาในการเตรียม CPU หรือ Memory โชคร้ายไปกว่านั้นคือเรามาพบทีหลังว่าสเปกที่เราซื้อมาขนาดเกินความจำเป็นแต่ก็ไม่สามารถลดสเปกได้

ถ้าใช้ Amazon EC2 เราสามารถเริ่มจากการใช้งานสเปกที่เล็กที่สุดก่อนและเพิ่มสเปกขึ้นเรื่อยๆตามความจำเป็นได้อย่างง่ายดาย และยังสามารถเพิ่มสเปกชั่วคราวตามความเหมาะสม เช่น การเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าชม (Traffic) ในช่วงแคมเปญต่างๆ และลดสเปกให้กลับไปเป็นขนาดเท่าเดิมหลังจากแคมเปญจบได้

ข้อที่ 2 ระบบชำระเงินที่สามารถเลือกได้

ระบบชำระเงินของ Amazon EC2 มี 3 แบบที่เราเลือกได้

แบบแรก "On-Demand instance" จ่ายตามการใช้งานจริง “ราคาต่อหน่วย” ถูกตั้งค่าต่อวินาทีหรือต่อชั่วโมงขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการ Region และประเภท instance (สเปก ฯลฯ) และค่าใช้จ่ายจะคิดจากระยะเวลาที่ใช้

แบบที่ 2 การจองล่วงหน้าก่อนใช้งานที่เรียกว่า "Reserved Instance" ซึ่งนำเสนอส่วนลดได้มากสุดถึง 72%

แบบสุดท้าย “Spot Instance” ที่สามารถใช้ Amazon EC2 ในความจุที่เหลืออยู่บน Cloud ในราคาที่ได้ส่วนลดถึง 90%

แม้ว่าจะมีข้อจำกัดในการใช้งาน เช่น ไม่สามารถยกเลิกการใช้งาน Reserved Instance ได้ก่อนกำหนดที่จองไว้ ส่วน Spot Instance ถ้าความจุบน Cloud ไม่ว่างก็ใช้งานไม่ได้ และการใช้งานจะชะงักเมื่อความจุที่มีว่างอยู่หมด (Instanceจะถูกยกเลิก หยุด หรือหยุดชั่วคราว) หากเราเลือกใช้ instance ได้ตรงความต้องการใช้งานจริงจะสามารถลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก

ดูรายละเอียดของค่าใช้จ่ายได้ที่นี่ การกำหนดราคาของ Amazon EC2

ข้อที่ 3 ทำBackupได้ง่าย

ถ้าเป็น On-premise เวลาที่เราจะทำ Backup จะต้องจัดเตรียม Data Center หรือ ฮาร์ดแวร์พวกเซิร์ฟเวอร์ต่างๆทั้งหมด ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่ยากทั้งในทางปฏิบัติและค่าใช้จ่าย หากเป็น AWS ที่มี “Region” อยู่ทั่วโลก และแต่ละRegionมี Availability Zone(AZ) หลายแห่งรวมอยู่ ซึ่ง AZ แต่ละแห่งเป็นกลุ่ม Data Center ที่เป็นอิสระ อยู่ห่างจาก AZ อื่นๆหลายกิโลเมตร เราจึงสามารถทำ Backup ง่ายๆโดยการตั้งเซิร์ฟเวอร์ไว้หลายๆ AZ หรือที่เรียกว่า Multi-AZ

นอกจากนี้ หากใช้ Multi-Region(การใช้งานหลายRegion) ทำให้เราสามารถสร้าง Backup จากที่ไหนก็ได้เพียงจิ้มจากหน้าจอคอนโซล อย่างในประเทศญี่ปุ่นมีRegionทั้งฝั่งโตเกียวและโอซาก้า ทำให้สามารถทำ AWS Elastic Disaster Recovery (AWS DRS) ระหว่างญี่ปุ่นฝั่งตะวันออกและตะวันตกได้

ข้อที่ 4 โอนย้ายไม่ยุ่งยาก

ในการย้ายจาก On-premise ไป AWS มีหลายวิธี แม้ว่าวิธีการแบบ Cloud Native อย่าง Serverless หรือ Service Managed เป็นที่ได้รับความสนใจอย่างมาก แต่ว่าวิธีเหล่านี้บางครั้งต้องมีการปรับปรุงระบบครั้งใหญ่และตรวจสอบ Operation ทั้งหมด ในทางกลับกัน หากใช้ EC2 สามารถโอนย้ายแอปพลิเคชันที่มีอยู่ในสภาพนั้นได้เลย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านโครงสร้างและ Operation ที่ยุ่งยาก เรียกได้ว่าสามารถลดความยุ่งยากในการดำเนินการได้อย่างมาก

ข้อที่ 5 ต้นทุนในการเรียนรู้ไม่แพง

เกี่ยวเนื่องมาจากการที่เราสามารถโอนย้ายข้อมูลได้ง่ายในข้อ 4 เนื่องจากการใช้งาน Amazon EC2 ใช้ได้เหมือนการใช้งาน On-Premise ข้อกำหนดการใช้งานต่างๆของ AWS ไม่ได้เยอะกว่าความรู้เดิมที่มีอยู่มากนัก จึงทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการเรียนรู้เพิ่มเติมได้

Use Case ของการใช้งาน Amazon EC2

เคสที่ 1 : ต้องการย้ายข้อมูลขึ้น Cloud ในระยะเวลาสั้นๆในขณะที่ฮาร์ดแวร์ใกล้จะหมดอายุ

เหตุผลที่หลายๆบริษัทนำมาประกอบการพิจารณาใช้ AWS คือ ฮาร์ดแวร์ใน On-Premise หมดอายุหรือล้าสมัย โดยเฉพาะในเคสที่ฮาร์ดแวร์ใกล้หมดอายุและต้องรีบย้ายข้อมูลทันที โดยที่ประโยชน์ของการใช้งาน EC2 คือการที่เราสามารถโอนย้ายได้ในระยะเวลาสั้นๆจึงสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เคสที่ 2 : ไม่สามารถใช้ Managed Services เพราะข้อจำกัดของแอปพลิเคชันหรือมิดเดิลแวร์

เนื่องจาก Managed Service ของ AWS มีบริการทั้งแอปพลิเคชันและมิดเดิลแวร์รวมอยู่ด้วย ทำให้มีข้อดีคือสามารถลดภาระงาน Operation ได้ แต่เนื่องจากมีข้อจำกัดเกี่ยวกับสิ่งที่สามารถตั้งค่า จึงมีหลายกรณีที่ไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากไม่ตรงกับข้อกำหนดของแอปพลิเคชันหรือมิดเดิลแวร์ หากเป็น Amazon EC2 ที่สามารถใช้งานเลเยอร์ที่อยู่บน OS ได้อย่างอิสระ จึงไม่จำเป็นต้องสนใจข้อจำกัดเหล่านั้น เช่น AWS มีบริการ Managed Server สำหรับทั้ง Active Directory และ File Server แต่บริษัทหลายแห่งเลือกใช้ Amazon EC2 ในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมตั้งแต่ต้นเพื่อลดปัญหาเรื่องข้อจำกัด

เคสที่ 3 : ใช้เป็น PoC หรือสภาวะแวดล้อมทดสอบภายในบริษัท (Test Environment)

ในช่วงแรกของการพิจารณาการใช้งาน AWS บริษัทหลายแห่งมักจะกังวลว่าระบบที่มีอยู่จะสามารถรันบน AWS ได้อย่างถูกหรือไม่และมักจะเริ่มต้นด้วยการตรวจสอบ Operation ผ่านการทำ PoC หรือทดสอบภายใน แต่อยากจะแนะนำว่าควรเริ่มต้นด้วยการใช้งาน Amazon EC2 ซึ่งช่วยให้เราสามารถสร้างสภาพแวดล้อมได้อย่างง่ายดายและมีอุปสรรคในการโยกย้ายต่ำ แน่นอนว่าการใช้งาน Managed Server อาจจะลดภาระงาน Operation ได้มากกว่า แต่ในอันดับแรกเราควรทดสอบและโอนย้ายบน EC2 ก่อน เมื่อทำไปซักระยะแล้วจึงพิจารณาใช้ Managed Service ทีหลังได้

Amazon EC2 ก้าวแรกในการใช้งาน AWS

Amazon EC2 ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการพื้นฐานของ AWS โดดเด่นด้วยความสามารถในการสร้างสภาพแวดล้อมเซิร์ฟเวอร์ที่เหมาะกับความต้องการ ใช้งานเลเยอร์เหนือ OS ได้อย่างอิสระและป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตได้ นอกจากนี้เราสามารถเลือกสเปกและแผนการชำระได้อย่างยืดหยุ่น เหนือสิ่งอื่นใด ประโยชน์หลักคือการที่ช่วยให้เราไม่ต้องจัดการและบำรุงรักษาเซิร์ฟเวอร์เอง อุปสรรคในการย้ายจาก On-Premise มีน้อย จึงเป็นบริการที่ถูกแนะนำให้เป็นลำดับแรกๆแก่ผู้เริ่มใช้งาน AWS

บทความที่เกี่ยวข้องกับ Amazon EC2

บทความที่เกี่ยวข้องสำหรับท่านที่ต้องการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ EC2
1. วิธีสร้าง EC2 - Linux วิธีติดตั้ง Amazon Linux 2023 บน EC2 และเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ด้วยโปรแกรม PuTTY
2. วิธีสร้าง EC2 - Windows Server [สำหรับมือใหม่] การสร้าง Microsoft Windows Server 2022 Base ใน Amazon EC2
3. วิธีการเพิ่ม CPU และ Memory บน EC2 [สำหรับมือใหม่] วิธีเพิ่ม Memory ใน EC2
4. ความแตกต่างของ On-demand, Reserved Instance, Saving Plan
ชวนมาประหยัดค่าใช้จ่ายให้มากขึ้นด้วยการใช้ EC2 Reserved Instances!
Saving Plan vs. Reserved Instance บน AWS ต่างกันยังไง บล็อกนี้มีคำตอบ!
5. วิธีทำ Backup วิธีสร้าง Snapshot EC2 แบบ On-demand ด้วย AWS Backup

บทความต้นฉบับ

Amazon EC2とは?5つのメリットとユースケースから理解する

Share this article

facebook logohatena logotwitter logo

© Classmethod, Inc. All rights reserved.